head-wadnongpanjan-min
วันที่ 25 มีนาคม 2023 7:35 AM
ยินดีต้อนรับเข้าสู่เว็บไซต์ โรงเรียนวัดหนองพันจันทร์
โรงเรียนวัดหนองพันจันทร์
หน้าหลัก » นานาสาระ » มาอย่างเสือกลับอย่างหมา

มาอย่างเสือกลับอย่างหมา

อัพเดทวันที่ 5 พฤศจิกายน 2020

มาอย่างเสือ กลับอย่างหมา

มาอย่างเสือกลับอย่างหมา

ความยินดี ตอน  “ใจฝ่อ”ความยินดี  มื้อแรกของการต้อนรับ เต็มไปด้วย บรรยากาศของความยินดี ปรีดา นายหัวสมชายชี้แจงให้ทั้งทีมรู้ถึงโครงสร้างและความเป็นมาเป็นไปของสถานีโทรทัศน์ท้องถิ่นทางภาคใต้ที่ท่านเป็นเจ้าของอยู่ หรือที่เราเรียกกันอย่างเป็นทางการว่า “สถานี เคเบิ้ลทีวี”

ความหวังของนายหัวสมชายคือการพัฒนาฟื้นฟูสถานีเคเบิ้ลทีวีแห่งนี้ให้กลับมาดำเนินการได้อย่างมีคุณภาพ  และยกระดับให้เป็นสถานีโทรทัศน์ทางภาคใต้  โดยการผลิตรายการต่างๆที่สร้างสรรค์ เหมือนกับ สถานีโทรทัศน์ช่องหลักของประเทศ จนเป็นที่นิยมของคนในจังหวัดนั้นและจังหวัดภาคใต้ใกล้เคียง

สถานีแห่งนี้ออกอากาศ 24 ชม. และทั้งหมดนั่นคือโจทย์ที่ระวีและทีมงานต้องร่วมแรงใจกันบริหารจัดการให้ลุล่วงไปจนสำเร็จ  นอกจากเป้าหมายของการทำงานแล้ว นายหัวสมชายได้แจ้งเพิ่มเติมว่า

คืนนี้จะส่งรถเก๋ง opel  corsa สีแดง ประจำตำแหน่งมาให้ระวี 1 คัน เพราะเห็นว่าตัวเล็ก และรถโตโยต้า SUV ให้ทีมงานอีกหนึ่งคัน  โดยที่ทางสถานีก็มีรถสำหรับให้ทำงานอีกหนึ่งคันด้วย    นอกจากนั้นนายหัวสมชายยังแจ้งว่า ให้ทีมงานทุกคนเรียกเขาว่านายหัว ไม่ต้องเรียกท่าน สส.เพราะมันห่างเหิน  และยังบอกอีกว่า ให้ทีมงานมาทานอาหารเช้าที่โรงแรมได้ทุกเช้า ก่อนออกไปทำงาน

โอ้ย ! มันจะดีอะไรกันขนาดนี้นี่  ความยินดี คืนนั้นก่อนเข้านอน ทุกคนมารวมตัวกันที่บ้านพักของระวีอีกครั้งด้วยความแช่มชื่นกับสวัสดิการได้รับทั้งหมด ต่างคนต่างวิเคราะห์วิจารณ์ในทางบวกบ้าง ลบบ้าง  ซึ่งทุกความเห็นล้วนมีเหตุผล เมื่อทุกคนแยกย้ายกันกลับไปเพื่อนอนหลับฝันดี และตื่นมากับเข้าวันใหม่   ไม่มีใครรู้ล่วงหน้าเลยว่า หลังจากพรุ่งนี้ชีวิตของทุกคนจะต้องเผชิญกับปัญหาและอุปสรรคอะไรบ้าง   แต่ช่างเถอะตอนนี้เพลียมากนอนก่อนเหอะ

วันแรกในการทำงานของทีมพิราบขาวพลัดถิ่น   ระวีตื่นแต่เช้า เพื่อเสพอากาศบริสุทธิ์ และทิวทัศน์ที่สวยงามริมระเบียงที่ห้องของเธอ เธออาบน้ำแต่งตัวพร้อมที่จะเดินทางไปสถานีโทรทัศน์แล้ว เช้าวันนี้ ทะนงจะมานำทางพาไปยังสถานี  มองออกไปนอกรั้วบ้านก็เห็น รถopel สีแดง จอดรถอยู่  พร้อมกับรถ SUV คันใหญ่สีดำอีกหนึ่งคันของทีมงาน  ตามที่นายหัวสมชายบอกไว้

ไม่ถึงสิบนาที  ทะนงก็มาถึงบ้านพัก วันนี้เขาขับมอเตอร์ไซด์มา  ทะนงยื่นกุญแจรถทั้งสองคันให้กับระวี และแจ้งว่า เติมน้ำมันเต็มถังแล้วทั้งสองคัน ทีมงานทั้งหมดต่างแยกย้ายขึ้นรถและมุ่งหน้าไปรับปะทานอาหารเช้าที่โรงแรมก่อนจะเดินทางไปที่ทำงาน โดยการนำทางของทะนง

เสร็จจากอาหารเช้าอย่างรวดเร็ว ทีมงานก็มุ่งสู่สถานีโทรทัศน์ท้องถิ่นโดยมีทะนงขับมอเตอร์ไซด์นำทาง

เมื่อรถเลี้ยวเข้ารั้วของสถานีโทรทัศน์  ความผิดหวังแรกที่ทีมงานต่างรู้สึกคือ  เหมือนสถานที่แห่งนี้ ไม่มีใครมาดูแลนานแสนนาน ต้นหญ้าขึ้นรถปกคลุมตามจุดต่างๆ รอบๆอาคาร  แถมยังมีเวทีมวยตั้งอยู่ในสถานีอีกด้วย  ว้าว ! ที่นี่มีการต่อยมวยด้วยหรือนี่?

ระวีเดินดูรอบๆ แล้วเธอก็พบว่า พระภูมิเจ้าที่ของสถานีโทรทัศน์แห่งนี้ถูกปกคลุมไปด้วยต้นหญ้าสูงจนแทบจะมองไม่เห็น  เอ แล้วจะมีใครสักคนให้เธอและทีมงานทักทายแนะนำตัวไหมนี่

ทะนองรีบกลับไปแล้ว เหมือนจะไม่อยากอยู่พบหน้าคนที่ทำงานอยู่ที่นี

ระวีพาทีมงานทั้งหมดเข้าสู่ตัวอาคาร เพื่อหวังจะพบใครสักคน และ ดูสถานที่ทำงานอย่างละเอียด

ภายในตัวอาคารเงียบสนิท เหมือนร้างผู้คน ไม่มีความมีชีวิตชีวาของสถานที่แห่งนี้ให้สัมผัสได้เลยสักนิด

ระวีชะโงกหน้า เข้าไปดูห้องๆหนึ่งที่น่าจะเป็นห้องออกอากาศ  เพราะเธอเห็นเงาตะคุ่มๆหลังกระจกบานนั้น

“สวัสดีค่ะ  เธอกล่าวทักทาย เจ้าหน้าที่ที่นั่งอยู่หน้าผังสวิทซ์ บอร์ดออกอากาศขนาดใหญ่ ด้วยรอบยิ้ม

“หวัดดีครับ พวกคุณเป็นทีมมาจากกรุงเทพกันใช่ไหม ? ชายหนุ่มคนนั้นทักตอบด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่ไม่ค่อยจะเป็นมิตร”

“ ใช่คะ ไม่ทราบว่าใครเป็นหัวหน้าดูแลที่นี่คะ ระวีจะได้ไปพบและขออนุญาตขอคำแนะนำค่ะ” 

“หัวหน้าเหรอ  ที่นี่ไม่มีหรอก ที่มีมีแต่คนทำงานตามหน้าที่ไม่มีใครใหญ่กว่าใครทั้งนั้น” อีกครั้งที่เขาตอบอย่างไม่มีหางเสียงและแสดงความไม่พอใจในน้ำเสียงอย่างชัดเจน 

“ เราชื่อระวีนะ เป็นหัวหน้าทีมงานที่มาพร้อมกัน 11 คน ค่ะ ขอโทษค่ะ คุณชื่ออะไรค่ะ ? ระวีทำใจดีสู้เสือ เค้าว่ากันว่าคนใต้ดุ ดุจริงๆแฮะ 

“ ผมชื่อสิงห์ ทำหน้าที่คุมการออกอากาศ สลับเข้ากะกับไอ้แสน อีกคน ตอนนี้มันเพิ่งกลับไปนอน ผมมาเข้าเวรต่อ

“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะสิงห์  แล้วนี่นอกจากสิงห์มีใครคนอื่นที่กำลังทำงานอยู่ไหมคะ?”

“มี อยู่ข้างหลังโน้น ห้องการเงิน ธุรการ เป็นผู้หญิง 2 คนพี่น้อง ชื่อ พวงกับ เพ็ญ  “ น้ำเสียงของสิงห์ค่อยดีขึ้น เมื่อระวียังคงยิ้มให้ และพูดกับเขาดีๆเหมือนเดิมตลอด

“งั้นพวกเรา ไปห้องธุรการการเงินแนะนำตัวกับเพื่อนใหม่กันดีกว่า” แล้วระวีก็พาทีมงานทั้งทีมเคลื่อนย้ายไปยังห้องการเงินทางด้านหลัง

ห้องการเงินมีขนาดที่ไม่ใหญ่นัก  อุปกรณ์คอมพิวเตอร์สองตัวตั้งอยู่บนโต๊ะทำงานติดกัน แต่อะไรก็ไม่สำคัญเท่า สายตาของหญิงสาวสองคนที่จ้องมองมายังเธอและทีมงานอย่างไร้ความเป็นมิตร

“สวัสดีค่ะ คุณเพ็ญและคุณพวง ใช่ไหมคะ เห็นสิงห์บอกมาค่ะ   เราชื่อระวีนะคะ”     “ไอ้สิงห์ เสือกสาระแหนนักนะมึง” เสียงสบถด่าสิงห์อย่างไม่เกรงใจของผู้ที่เป็นผู้ใหญ่กว่าซึ่งก็คงเป็นคุณเพ็ญ  ดังขึ้นอย่างไม่กลัวเราจะได้ยิน

“ใช่คะ ฉันชื่อเพ็ญ ดูแลเรื่องการเงิน  ส่วนนั่น นังพวงเป็นธุรการ “

ยังไม่ทันจะได้พูดคุยอะไรต่อ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น  เพ็ญรีบรับโทรศัพท์อย่างรวดเร็ว

“ ค่ะนายหัว  ได้ค่ะนายหัว  ไม่ต้องห่วงค่ะนายหัว เดี้ยวเพ็ญจะดูแลทีมงานของคุณระวีอย่างดีที่สุดเลยค่ะ” เสียงของเพ็ญแม้จะใช้สำเนียงใต้ แต่ก็ดูสุภาพ อ่อนหวานแตกต่างกับที่พูดกับระวีเอย่างชัดเจน

“ เอาล่ะ คุณระวี ใช่ไหมคะ ? เดี้ยวเพ็ญจะพาคุณและทีมงานเดินดูสถานที่ทำงานในส่วนต่างๆเองนะคะ  ทุกๆท่านเดินทางตามเพ็ญมาแล้วกันนะคะ ชินค่ะ แนะนำมาบ่อยแล้ว มากี่ทีมกี่ทีมก็หายไปหมด” เพ็ญพูดอย่างสนุกปากโดยที่หางตา เหลือบมองมาทางระวีและทีมงาน

เพ็ญพาพวกเธอไปดูห้องออกอากาศที่ได้พบกับสิงห์  ห้องออกอากาศสด  ห้องตัดต่อ   และห้องเก็บอุปกรณ์ที่ใช้ในสตูดิโอ และอุปกรณ์ในการถ่ายทำ   ห้องทำฉาก จนครบ ระวีจดรายละเอียดเล็กๆน้อยๆที่ได้จากเพ็ญไว้เป็นพื้นฐาน เพราะยังต้องมีคำถามอีกมากมายที่ต้องซักถามก่อนที่จะเริ่มงาน  มันไม่ใชเรื่องง่ายๆเสียแล้ว ระวีถอนหายใจจนเสียงดัง จนรูมแมทสองโลกสังเกตเห็น จึงเดินมาจับมือระวีบีบเบาๆ ไม่ต้องห่วงอีเจ้ เดี้ยวพวกเราจะช่วยกันพลิกที่รกร้างนี้ให้มีชีวิตชีวาด้วยกันนะอีเจ้”

ระวียิ้มให้กับความเอาใจใส่ของหนูเท่ง แล้วหันไปขอบคุณเพ็ญที่ช่วยพาเดินดูสถานที่ต่างๆ  ระวีชวนเพ็ญไปกินข้าวเที่ยงร่วมกับทีมงาน แต่เธอปฏิเสธ เพราะเตรียมอาหารเที่ยงมากินกับน้องสาวเรียบร้อยแล้ว

บรรยากาศการกินอาหารเที่ยงของทีมงานในมื้อเที่ยงดูต่างจากมื้อเช้าอย่างสิ้นเชิง  ทุกคนมีสีหน้าวิตกกังวลกับสภาพของสถานที่ทำงาน และมิตรภาพของคนทำงานชุดเก่า ทุกอย่างต้องถูกสะสาง แต่กระทั่งทัศนียภาพของที่ทำงานที่รกรุงรัง จนเหมือนสถานที่ร้าง  แค่ทำเรื่องปรับภูมิทัศน์พวกนี้ก็ใช้เวลาร่วมเดือนแล้ว

ระวีรับฟังปัญหาต่างๆที่ทีมงานพร่างพรูออกมาและจดเป็นหัวข้อ แล้วเธอก็บอกให้ทุกคนรีบทานข้าวให้อิ่ม จะได้กลับไปเพื่อเช็คดู อุปกรณ์ถ่ายภาพ ห้องตัดต่อ ไมโครโฟนติดเสื้อ และอื่นๆอีกว่ายังสามารถใช้การได้หรือไม่ ?

ติดตามอ่านตอนที่ 3  ตอน “มิตรภาพของพิราบขาว กับแสงเงาแห่งความหายนะ”

นานาสาระ ล่าสุด
Banner 1
Banner 2
Banner 3
Banner 4