head-wadnongpanjan-min
วันที่ 20 กันยายน 2024 8:35 AM
ยินดีต้อนรับเข้าสู่เว็บไซต์ โรงเรียนวัดหนองพันจันทร์
โรงเรียนวัดหนองพันจันทร์
df

รักษาการในตำแหน่ง

ผู้อำนวยการ โรงเรียนวัดหนองพันจันทร์

โรงเรียนวัดหนองพันจันทร์

โรงเรียนวัดหนองพันจันทร์

โรงเรียนวัดหนองพันจันทร์ ตั้งอยู่ที่หมู่ที่ 6 ตำบลหนองพันจันทร์ กิ่งอำเภอบ้านคา จังหวัดราชบุรี สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ   เริ่มก่อตั้งเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2512 โดย พระอธิการสุวัฒน์ ธมมรโต(อาจารย์ตี๋) เจ้าอาวาสวัดหนองพันจันทร์เป็นผู้ริเริ่มในการก่อสร้าง สร้างตามแบบ ป 13 ขนาด 4 ห้องเรียน โดยได้รับงบประมาณจากทางราชการ 35,000 บาท นอกนั้นเจ้าอาวาสวัดหนองพันจันทร์และประชาชนร่วมมือกัน จัดหา และบริจาคเงินสมทบ ประมาณ 100,500 บาท สร้างจนแล้วเสร็จ และเปิดใช้ทำการสอนอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2512 เปิดทำการสอนตั้งแต่ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 มีครูใหญ่คนแรกชื่อนายเสวก หลามสกุล   ปี  พ.ศ.2517นายพริ้งทองลิ่มได้ย้ายมาดำรงตำแหน่งครูใหญ่และได้งบประมาณทางราชการเพื่อก่อสร้างอาคารเรียนขึ้นอีก 1 หลัง โดยสร้างแบบ ป 1 ก. ขนาด 6 ห้องเรียน เป็นเงิน 270,000 บาท ใช้เปิดทำการเรียนการสอนในเดือน พฤษภาคม  พ.ศ. 2518 ต่อมา นายพริ้ง ทองลิ่ม ครูใหญ่ได้เสียชีวิต นายจรัส ราชสิงโหได้ทำหน้าที่รักษาการแทน จนนายอนันต์  นิกรศิริได้เดินทางมารับตำแหน่งครูใหญ่และตกลงกับคณะกรรมการศึกษาและประชาชนทั่วไปเพื่อรื้อย้ายอาคารเรียนหลังแรกขึ้นมาก่อสร้างแนวเดียวกับอาคารเรียนหลังที่สองเนื่องจากอยู่ไกลกันมากไม่สะดวกในการจัดการเรียนการสอน และสร้างเสร็จโดยไม่ต้องใช้งบประมาณทางราชการ เปิดทำการสอนได้ในปีการศึกษา 2522 ตั้งแต่ชั้น ป.1 – ป.6   สิ้นค่ารื้อถอนและค่าก่อสร้าง เป็นเงิน 22,348 บาท โดยประชาชนร่วมกันบริจาคทั้งหมดปีการศึกษา 2537 ได้รับอนุมัติให้เป็นโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา เปิดสอนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น ในปีการศึกษา 2538 ได้รับงบประมาณทางราชการให้สร้างอาคารเรียน แบบ สปช. 105 / 29 จำนวน 1 หลัง เป็นอาคาร2 ชั้นขนาด 8 ห้องเรียน แทนอาคารหลังแรกได้ทำการรื้อถอนออกเพราะชำรุดทรุดโทรมมาก ปัจจุบันมีอาคารเรียน แบบ ป 1 ก. จำนวน 1 หลัง ขนาด 6 ห้องเรียน อาคารเรียน แบบ สปช. 105 / 29 จำนวน1 หลังอาคารอเนกประสงค์ 1 หลัง บ้านพักครู 4 หลัง บ้านพักภารโรง 1 หลัง ส้วม 3 หลัง สนามบาสเกตบอล 1 สนาม   เปิดทำการสอน 3 ระดับ คือระดับก่อนประถมศึกษา ระดับประถมศึกษา และระดับมัธยมศึกษาตอนต้น มีครูทั้งหมด 14 คน นักการภารโรง 1 คน ปัจจุบันมีนายอมร  ศิริมังคโล เป็นผู้อำนวยการโรงเรียน

วิสัยทัศน์
๐ มีความรู้ ความสามารถ และทักษะชีวิต
๐ มีทักษะในการแสวงหาความรู้จากแหล่งเรียนรู้ด้วยตนเอง สามารถใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและ
การสื่อสารเพื่อการเรียนรู้ รักการเรียนรู้และพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง
๐ มีสุขนิสัย สุขภาพกาย และจิตที่ดี ปราศจากสิ่งเสพติดและรู้จักหลีกเลี่ยงภาวะเสี่ยง
๐ มีสุนทรียภาพและลักษณะนิสัยด้าน ดนตรี กีฬา ศิลปะ
วิสัยทัศน์ (VISION)
คุณธรรมนำวิชา  อนามัยดี เทคโนโลยีทันสมัยใช้วิถีพอเพียง  เคียงคู่ชุมชน
พันธกิจ (MISSION)
1.จัดการเรียนการสอนให้นักเรียนมีคุณธรรม
2.จัดการเรียนการสอนโดยมุ่งเน้นให้ผู้เรียนเป็นสำคัญ
3.ส่งเสริมให้การจัดกิจกรรมเพื่อสุขอนามัยที่ดีของนักเรียน
4.ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยี เป็นสื่อในการแสวงหาความรู้
5.ส่งเสริมให้นักเรียนมีคุณภาพด้านวิชาการ ด้านวิชาชีพ โดยใช้วิถีพอเพียง
6.จัดการเรียนรู้ โดยใช้แหล่งเรียนรู้ในชุมชนและภูมิปัญญาท้องถิ่น
7.ส่งเสริมให้ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา

เป้าประสงค์ (GOAL)
ผู้เรียนทุกคนได้รับการศึกษาอย่างเท่าเทียมกัน มีศักยภาพพร้อมศึกษาต่อและประกอบอาชีพ
สามารถดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข

เอกลักษณ์/อัตลักษณ์ของสถานศึกษา
อัตลักษณ์ของสถานศึกษาคือ นักเรียนมีสุขภาพอนามัยที่ดี

 

นานาสาระ

เรื่อง 10 ประโยคที่คน”มีความสุข”เขาพูดกัน

 

1.ช่างมัน  คำนี้หลายคนที่ผ่านเรื่องร้ายๆมามากคงได้ใช้บ่อย ลึกๆแล้วมันก็คือการปล่อยวางเมื่อคุณแบกมันไว้ไม่ไหว  หรือ คุณยอมรับการล้มลงจนถลอกปอกเปิกจนบาดเจ็บ เกิดแผลเป็นแล้วนั่นเอง ซึ่งในที่สุดคุณก็ต้องปล่อยมันให้เป็นไปตามความเป็นจริง แล้วบอกตัวเองว่า  เออ “ช่างมัน “

 

2.เดี๋ยวมันก็ผ่านไป คำนี้ดูเหมือนประโยคธรรมดาๆประโยคหนึ่ง แต่คนที่ได้ผ่านความรู้สึกตรงนั้นมาแล้วจะรู้ว่า มันเป็นประโยคที่โคตรอมตะ และทรงพลัง ที่สามารถดึงจิตใจเราให้ลุกขึ้นมาสู้และก้าวเดินไปข้างหน้าต่อไปได้

 

3.เลือกมองในด้านบวก ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกนี้เปรียบเสมือนเหรียญที่มีสองด้านเสมอ มีร้ายย่อมมีดี มีขาวย่อมมีดำ  มีลบย่อมมีบวก และทุกเรื่องร้ายๆจะมีด้านดีติดมาด้วยเสมอ ขอเพียงคุณเปิดใจ และมองให้เห็นเหรียญอีกด้าน

 

4.ขอบคุณสิ่งที่มีอยู่  คนเราส่วนใหญ่มักชอบไขว่คว้าสิ่งที่ยังไม่มี จนลืมมองเห็น หรือรักษาสิ่งที่มีอยู่ ชอบจมทุกข์กับสิ่งที่ยังไม่ได้ แต่ไม่เคยขอบคุณสิ่งที่ยังมี สิ่งที่ยังคงอยู่กับเราเสมอ จนบางครั้งกว่าจะคิดได้ก็สายเกินไป เพราะต้องสูญเสียทั้งสิ่งที่ไขว่คว้า และสิ่งที่มีอยู่ จึงไม่เหลือในอะไรเลยในที่สุด

 

5.ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ เป็นเรื่องที่พูดกันบ่อย แต่น้อยคนที่จะเข้าใจและทำใจให้รับความจริงในข้อนี้ได้จริง  บางครั้งเราก็ลืมไปว่าตัวเราเองยังสมบูรณ์แบบไม่ได้ แล้วจะไปเรียกร้องหาความสมบูรณ์แบบจากคนอื่นได้อย่างไร ถ้าคุณทำใจยอมรับเรื่องนี้ได้ คุณจะใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้นและมีความสุขในชีวิตขึ้นอีกเยอะ

 

6.อยู่กับปัจจุบัน เรื่องนี้สำคัญมาก เพราะคนส่วนใหญ่ชอบทุ่มเทความคิด ความรู้สึกและพลังไปกับอดีตที่แก้ไขไม่ได้ และอนาคตที่ยังมาไม่ถึง เลยไม่เหลือพลังที่จะมาขับเคลื่อนชีวิตในปัจจุบันให้ประสบความสำเร็จ หรือใช้มันอย่างมีความสุข

 

7.ปล่อยวางบ้าง  หลายคนพุดได้แต่ทำไม่ได้ การปล่อยวางต้องวางด้วยใจ ไม่ใช่วางด้วยปาก จะรู้อย่างไรว่าปล่อยวางด้วยใจแล้ว ก็ เมื่อใดที่ใจคุณรู้สึกเบาโล่ง กับปัญหาที่ยังแก้ไม่ได้นั่นแหละ แสดงว่าคุณยอมรับความจริง และปล่อยวางแล้ว อะไรที่มันหนักก็วางมันลงเสีย จะได้ไม่ต้องแบกมันไว้ จะได้มีมือว่างๆ ที่ไม่ต้องแบกทุกข์ไว้ และไปทำสิ่งใหม่ๆจะดีกว่า

 

8.ทำอะไรที่มีความสุข ฝึกสร้างความสุขจากภายในที่มันถาวร หาความสุขง่ายๆใกล้ๆตัว สุขที่ใจด้วยตัวเอง ทำอะไรก็ได้ที่มันง่ายๆ แต่เราชอบ ทำแล้วมีความสุข โดยที่ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน  อย่างเช่น ชอบร้องเพลง  ชอบอ่านหนังสือ ชอบสะพายเป้ไปเที่ยว  อะไรก็ได้ ยิ่งถ้าสามารถทำได้ด้วยตัวเองไม่ต้องพึ่งพาใครแล้วสามารถมีความสุขได้ยิ่งดี

 

9.มันคือบทเรียนที่มีค่า ทุกครั้งที่ล้มลงมีบาดแผล ให้ขอบคุณเหตุการณ์และรอยแผลเหล่านั้นที่เป็นครูที่ดีที่สุดของเรา  แล้วจดจำเพื่อจะได้นำไปใช้เป็นข้อเตือนใจในการก้าวเดินต่อไปข้างหน้า เรื่องเหล่านี้ไม่มีใครบอกใครได้ เราจึงเรียกมันว่า “ประสบการณ์”  เพราะเราต้องผ่านมันไปด้วยตัวเอง 

 

10.เริ่มใหม่ได้ ตราบใจที่ยังมีลมหายใจ ตราบใดที่ยังมีพระอาทิตย์ขึ้นในทุกๆวัน นั่นคือโฮกาสที่เราสามารถเริ่มต้นอะไรใหม่ๆได้เสมอ  ยังคงมีประตูหลายบานรอให้คุณเปิดเข้าไปค้นหาสิ่งต่างๆในห้องที่คุณยังไม่เคยเข้าไป  อย่างมองว่าอุปสรรคคือปัญหา แต่จงมองว่า มันคือสิ่งใหม่ๆที่เรายังไม่เคยเรียนรู้

 

ล้มกี่ครั้งไม่สำคัญ สำคัญว่าคุณยังลุกขึ้นมาทุกครั้งที่ล้มไหม ?  เพราะหากทุกครั้งที่คุณล้มแล้วยังลุกขึ้น มันหมายถึงว่า คุณยังคงอยู่ในเส้นทางของความสำเร็จ และมีโอกาสก้าวเข้าสู่เส้นชัยแห่งชัยชนะเสมอ   ลุกขึ้นนะคะ แล้ว หา Hero ในตัวคุณให้เจอ!!! ความเป็นจริงที่เราต้องยอมรับก็คือ ถ้าเราไม่ลุกขึ้นยืน แล้วเราจะเรียนรู้วิธีการทรงตัว เพื่อไม่ให้ล้มลงอีกครั้งได้อย่างไร ? ( คำคมผู้นำ ) คุณว่าไหมคะ?

 

 

Banner 1
Banner 2
Banner 3
Banner 4